ธง
คำขวัญ
ສັນຕິພາບ ເອກະລາດ ປະຊາທິປະໄຕ ເອກະພາບ ວັດຖະນາຖາວອນ
สันติภาพ เอกราช ประชาธิปไตย เอกภาพ วัฒนาถาวร
ชื่อทางการ
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Lao People's Democratic Republic) หรือ ลาว (Laos)
ความเป็นมา
-
ที่ตั้ง
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทางทิศตะวันตกของเวียดนาม ระหว่างละติจูดที่ 18 00 องศาเหนือ ลองติจูดที่ 105 00 องศาตะวันออก
พื้นที่
236,800 ตารางกิโลเมตร (ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศไทย) พื้นดิน 230,800 ตารางกิโลเมตร พื้นน้ำ 6,000 ตารางกิโลเมตร
อาณาเขต
ความยาวพรมแดนทั้งหมด 5,083 กิโลเมตร โดยมีพรมแดนติดกับพม่า (235 กิโลเมตร) กัมพูชา ( 541 กิโลเมตร) จีน (423 กิโลเมตร) ไทย (1,754 กิโลเมตร) เวียดนาม (2,130 กิโลเมตร)
สภาพภูมิประเทศ
ภูเขาขรุขระ พื้นที่บางส่วนเป็นที่ราบและที่ราบสูง
สภาพภูมิอากาศ
มรสุมเขตร้อน ฤดูฝนในเดือน พฤษภาคม-พฤศจิกายน ฤดูแล้งเดือนธันวาคม-เมษายน
ทรัพยากรธรรมชาติ
ไม้ ดีบุก ยิบซั่ม ตะกั่ว หินเกลือ เหล็ก ถ่านหินลิกไนต์ สังกะสี ทองคำ อัญมณี หินอ่อน น้ำมัน และแหล่งน้ำผลิตไฟฟ้า
ภัยธรรมชาติ
น้ำท่วม ภัยแล้ง
จำนวนประชากร
6,695,166 คน (ค่าประมาณ เดือนกรกฏาคม พ.ศ. 2556)
อัตราการเติบโตของประชากร
1.655% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
สัญชาติ
ลาว (Laos (s) หรือ Laotian (s))
เชื้อชาติ รวมประมาณ 68 ชนเผ่า
ศาสนา(สำมะโนประชากร พ.ศ. 2538)
ภาษา
ภาษาลาวเป็นภาษาราชการ ภาษาอื่นๆ ได้แก่ ฝรั่งเศส อังกฤษ และภาษาพื้นบ้านอื่นๆ
รูปแบบการปกครอง
สังคมนิยม (Communist State)
เมืองหลวง
นครหลวงเวียงจันทน์ (Vientiane)
วันที่ได้รับเอกราช
19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 (จากฝรั่งเศส)
รัฐธรรมนูญ
ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรกเมื่อวัน ที่ 14 สิงหาคม 2534 (เดิมกฎหมายอยู่ในรูปของคำสั่งฝ่ายบริหาร คือ ระเบียบคำสั่งของพรรคและสภารัฐมนตรี)
ฝ่ายบริหาร
ประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล ผู้ดำรงตำแหน่งคณะรัฐมนตรีต้องได้รับการเห็นชอบจากคณะรัฐบาล โดยประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้ง รัฐสภาเป็นผู้แต่งตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี วาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี โดยการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีขึ้นในปี พ.ศ. 2554 ประธานาธิบดีเป็นผู้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก วาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี
ระบบกฏหมาย
ใช้กฎหมายที่มีพื้นฐานมาจากประเพณีโบราณขนบธรรมเนียมฝรั่งเศส และแนวทางปฏิบัติแบบสังคมนิยม ไม่ยอมรับเขตอำนาจโดยบังคับของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
ฝ่ายนิติบัญญัติ
ระบบรัฐสภาเดี่ยว (Unicameral National Assembly) จำนวนสมาชิก 115 ที่นี่ง มาจากการเลือกตั้ง (Popular vote) จากรายชื่อผู้สมัครที่ได้รับเลือกจากพรรคประชาชนปฏิวัติลาว (the Lao People's Revolutionary Party to serve five-year terms) การเลือกตั้งครั้งต่อไปมีขึ้นในปี พ.ศ. 2554
ฝ่ายตุลาการ
ศาลฎีกาของประชาชน (People's Supreme Court) รัฐสภาเป็นผู้เลือกตั้งประธานศาลฎีกาจากคำแนะนำของ National Assembly Standing Committee รองประธานศาลฎีกาและผู้พิพากษาได้รับการแต่งตั้งจาก National Assembly Standing Committee
การแบ่งการปกครอง
แบ่งเป็น 16 แขวง และ 1 เขตปกครองพิเศษ (นครหลวงเวียงจันทน์) ได้แก่ แขวงอัดตะปือ แขวงบ่อแก้ว แขวงบอลิคำไซ แขวงจำปาสัก แขวงหัวพัน แขวงคำม่วน แขวงหลวงน้ำทา แขวงหลวงพระบาง แขวงอุดมไซ แขวงพงสาลี แขวงสาละวัน แขวงสะหวันนะเขต นครหลวงเวียงจันทน์ * (เขตการปกครองพิเศษ) แขวงเวียงจันทน์ แขวงไซยะบูลี เขตพิเศษไซสมบูน แขวงเซกอง แขวงเชียงขวาง
แขวงที่สำคัญได้แก่ เวียงจันทน์ สะหวันนะเขต หลวงพระบาง จำปาสัก คำม่วน
ลาวแบ่งเป็น 16 แขวง ในหนึ่งแขวงจะมีหลาย เมือง ซึ่งจะมีหนึ่งเมืองเป็นเมืองหลวงเรียกว่า เมืองเอก และ 1 เขตปกครองพิเศษเรียกว่า นครหลวง ดังแสดงในตารางต่อไปนี้
# |
ชื่อ |
เมืองเอก |
พื้นที่ (km²) |
ประชากร (ปี 2547) |
1 |
แขวงอัดตะปือ |
เมืองสามักคีไซ |
10,320 |
114,300 |
2 |
แขวงบ่อแก้ว |
เมืองห้วยทราย |
6,196 |
149,700 |
3 |
แขวงบอลิคำไซ |
เมืองปากซัน |
14,863 |
214,900 |
4 |
แขวงจำปาสัก |
เมืองปากเซ |
15,415 |
575,600 |
5 |
แขวงหัวพัน |
เมืองซำเหนือ |
16,500 |
322,200 |
6 |
แขวงคำม่วน |
เมืองท่าแขก |
16,315 |
358,800 |
7 |
แขวงหลวงน้ำทา |
เมืองหลวงน้ำทา |
9,325 |
150,100 |
8 |
แขวงหลวงพระบาง |
เมืองหลวงพระบาง |
16,875 |
408,800 |
9 |
แขวงอุดมไซ |
เมืองไซ |
15,370 |
275,300 |
10 |
แขวงพงสาลี |
เมืองพงสาลี |
16,270 |
199,900 |
11 |
แขวงสาละวัน |
เมืองสาละวัน |
10,691 |
336,600 |
12 |
แขวงสะหวันนะเขด |
เมืองไกสอน พมวิหาน |
21,774 |
721,500 |
13 |
นครหลวงเวียงจันทน์ |
นครหลวงเวียงจันทน์
(ประกอบด้วยเมืองจันทะบูลี, เมืองสีสัดตะนาก,
เมืองไซเสดถา เมืองสีโคดตะบอง
เมืองหาดซายฟอง และ ตอนใต้ของเมืองไซทานี) |
3,920 |
692,900 |
14 |
แขวงเวียงจันทน์ |
เมืองโพนโฮง |
15,927 |
373,700 |
15 |
แขวงไซยะบูลี |
เมืองไซยะบูลี |
16,389 |
382,200 |
16 |
แขวงเซกอง |
เมืองละมาม |
7,665 |
83,600 |
17 |
แขวงเซียงขวาง |
เมืองโพนสะหวัน |
15,880 |
262,200 |
ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2549 ได้มีการยุบเขตพิเศษไซสมบูน (Xaisomboun, ເຂດພິເສດໄຊສົມບູນ; หมายเลข 16 ในแผนที่) อย่างเป็นทางการ ตามดำรัสนายกรัฐมนตรี (คำสั่งนายกรัฐมนตรี) เลขที่ 10/ນຍ. ลงวันที่ 13 มกราคม 2549 โดยเมืองท่าโทมถูกรวมกับแขวงเชียงขวาง และเมืองไซสมบูนถูกรวมกับแขวงเวียงจันทน์
ที่มา: http://th.wikipedia.org/wiki/Laos
สถาบันการเมืองที่สำคัญ
- พรรคประชาชนปฏิวัติลาว 2) สภารัฐมนตรี (พรรคฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี) 3) สภาแห่งชาติ (ประชาชนเลือกสมาชิกสภาแห่งชาติ จากผู้ที่พรรคฯ เสนอ)
นโยบายรัฐบาล สปป.ลาว
- พรรคประชาชนปฏิวัติลาวเป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดผูกขาดการปกครองประเทศ ตามระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ พรรคฯ ได้กำหนดนโยบายและเป้าหมายการพัฒนาประเทศในการประชุมสมัชชาพรรคฯ ครั้งที่ 8 เมื่อเดือนมีนาคม 2549 ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดถือปฏิบัติ ดังนี้
- ปี 2563 ต้องพ้นจากสถานะการเป็นประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด ต้องมีความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจต้องขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประชาชนต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากปัจจุบัน 3 เท่าตัว
- ปี 2549-2553 เป็นช่วงของการเสริมสร้างพื้นฐานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่กำหนด ไว้สำหรับปี 2563 เศรษฐกิจต้องมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 7.5 ต่อปี ยุติการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย แก้ไขปัญหาความยากจนให้หมดสิ้นไป เตรียมพัฒนาบุคลากรรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรม ประชากรมีรายได้เฉลี่ยมากกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี
- ลาวดำเนินนโยบายต่างประเทศที่มุ่งสร้างเสริมความสัมพันธ์แบบรอบด้านกับทุก ประเทศบนพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติโดยไม่แบ่งแยกลัทธิอุดมการณ์ เพื่อขอรับการสนับสนุนและความช่วยเหลือในการพัฒนาประเทศให้บรรลุเป้าหมายตาม ที่พรรคฯ กำหนดไว้ ทั้งนี้ ลาวให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นลำดับแรก ได้แก่ เวียดนาม จีน พม่า กัมพูชาและไทย รองลงมาเป็นประเทศร่วมอุดมการณ์ ได้แก่ รัสเซีย เกาหลีเหนือ และคิวบา อย่างไรก็ดี แม้ว่าลาวจะพยายามดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ให้สมดุลเพื่อลดการพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นหลัก แต่ด้วยข้อจำกัดของลาวที่ไม่มีทางออกทะเล และระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ด้อยอยู่ ประกอบกับความใกล้ชิดด้านอุดมการณ์และประวัติศาสตร์ การต่อสู้เพื่อเอกราช ทำให้ลาวมีความสัมพันธ์พิเศษกับเวียดนามและจีน อันเป็นผลให้ประเทศทั้งสองสามารถรักษาและขยายอิทธิพลในลาวได้ต่อไป
สถานการณ์สำคัญ
- ด้านการเมืองและความมั่นคง
- สถานการณ์ภายในประเทศโดยรวมมีความสงบเรียบร้อย แม้ว่ายังคงมีรายงานการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลตามแขวงต่าง ๆ แต่ทางการลาวสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยได้จัดวางกองกำลังลาดตระเวนในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างเข้มงวดทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2549 ยุบเขตการปกครองพิเศษไชสมบูน ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยโอนพื้นที่การปกครองไปขึ้นกับแขวงเชียงขวางและแขวงเวียงจันทน์ เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความมั่นคงปลอดภัยมากขึ้นแล้ว
- เมื่อวันที่ 18-21 มีนาคม 2539 ที่ประชุมสมัชชาพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ครั้งที่ 8 มีมติเป็นเอกฉันท์เลือกพลโท จูมมะลี ไชยะสอน รองประธานประเทศ (ตำแหน่งในขณะนั้น) ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คณะบริหารศูนย์กลางพรรค (Central Committee) และสมาชิกคณะกรมการเมือง (Politburo) ลำดับที่ 1 แทนพลเอกคำไต สีพันดอน อดีตประธานประเทศที่สละตำแหน่งในพรรคทุกตำแหน่ง และได้แต่งตั้งคณะบริหารพรรค ได้แก่ คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรค จำนวน 55 คน คณะกรมการเมือง จำนวน 11 คน คณะเลขาธิการศูนย์กลางพรรค จำนวน 7 คน และคณะกรรมการตรวจตราพรรคฯ ระดับศูนย์กลางพรรคฯ จำนวน 3 คน รวมทั้งได้กำหนดแผนพัฒนาประเทศระยะสั้นปี 2553 และระยะยาวปี 2563 เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ
- เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2549 สปป.ลาวได้จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติ ชุดที่ 6 โดยพรรคประชาชนปฏิวัติลาวได้คัดเลือกส่งผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้ง จำนวน 175 คนเพื่อเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติ จำนวน 115 ที่นั่งใน 17 เขตเลือกตั้ง (16 แขวงและนครหลวงเวียงจันทน์) ผลการเลือกตั้ง ปรากฏว่ามีประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละร้อย สมาชิกสภาแห่งชาติที่ได้รับเลือกจำนวน 115 คน เป็นสมาชิกพรรคประชาชนปฏิวัติลาว จำนวน 113 ที่นั่ง และผู้สมัครอิสระจำนวน 2 ที่นั่ง แบ่งเป็นชนเผ่าลาวลุ่ม 92 คน ลาวเทิง 17 คน และลาวสูง 6 คน
- การประชุมสภาแห่งชาติ ชุดที่ 6 ครั้งที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 - 17 มิถุนายน 2549 โดยในการประชุมวันแรก ที่ประชุมได้รับรองผู้ดำรงตำแหน่งประธานประเทศ รองประธานประเทศ และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ รวมทั้งได้มีการปรับ/จัดตั้งกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ ปรับกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมไปรวมกับกระทรวงการค้า เป็น "กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า" และจัดตั้ง "กระทรวงพลังงาน และบ่อแร่" ขึ้นใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศที่มุ่งเน้นการพัฒนา เศรษฐกิจ และนำศักยภาพด้านพลังงาน (พลังงานน้ำและแร่ธาตุ) มาใช้ในการพัฒนาประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- ด้านเศรษฐกิจ
- ภาวะเศรษฐกิจของ สปป.ลาวมีพัฒนาการที่ดีตามลำดับ โดยในช่วง 20 ปีนับตั้งแต่ปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมสู่ระบบเศรษฐกิจเสรีการ ตลาดเมื่อปี 2529 สปป.ลาวมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 6.2 ต่อปี ประชากรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2529 เป็น 491 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2548 ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ต่อปี โดยอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าเป็นสาขาหลักที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศ
- ในปี 2548 สปป.ลาวมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ 7.2 เพิ่มจากร้อยละ 6.6 ในปี 2547 ภาคเกษตรกรรม มีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น 190,000 เฮกตาร์ (1,187,500 ไร่) และผลิตข้าวได้ 2.6 ล้านตัน ภาคอุตสาหกรรม รัฐบาล สปป.ลาวได้อนุมัติสัมปทานโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเหมืองแร่ (ทองคำ ทองแดง ดีบุก ถ่านหิน สังกะสี ยิปซั่ม) โครงการผลิตซีเมนต์และเหล็กในหลายพื้นที่เพื่อเพิ่มการส่งออก ด้านการคมนาคมขนส่ง การก่อสร้างถนนเชื่อมโยงลาวกับประเทศในอนุภูมิภาคมีความคืบหน้าอย่างมาก ถนนที่สร้างแล้วเสร็จ ได้แก่ ถนนหมายเลข 9 (ไทย-ลาว-เวียดนาม) และถนนหมายเลข 18 B (ลาว-เวียดนามตอนใต้) ในขณะที่ถนนหมายเลข 3 (ไทย-ลาว-จีน) ถนนหมายเลข 8 และหมายเลข 12 (ไทย-ลาว-เวียดนาม) จะแล้วเสร็จในปี 2550
- อย่างไรก็ดี ลาวยังคงประสบปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข ที่สำคัญได้แก่ ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น การขาดดุลการค้าที่สูง การจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย และการฉ้อราษฎร์บังหลวง
- ด้านสังคม
- ปัญหายาเสพติดเป็นประเด็นที่รัฐบาล สปป.ลาวให้ความสำคัญในลำดับต้นและ ประสบความสำเร็จในการขจัดพื้นที่การปลูกฝิ่นในลาวให้หมดสิ้นไปภายในปี 2548 ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้รวมทั้งได้จัดทำแผนขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ เพิ่มมากขึ้นเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาชนบท ป้องกันไม่ให้ประชาชนหวนกลับไปปลูกฝิ่นอีก สำหรับปัญหาอื่น ๆ ได้แก่ ปัญหาภัยธรรมชาติ ปัญหา ความไม่รู้หนังสือของประชาชน ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคเอดส์และปัญหาการเก็บกู้กับระเบิดที่ตกค้าง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่การเกษตรและเป็นสาเหตุสำคัญประการ หนึ่งของการเสียชีวิตของประชากรลาว
ระบบเศรษฐกิจ
เริ่มปฏิรูปจากระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมสู่ระบบเศรษฐกิจเสรีการตลาด ตามนโยบาย "จินตนาการใหม่" เมื่อปี 2529
ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP)
19.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
GDP รายบุคคล (GDP per Capita)
3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
อัตราการเติบโตของ GDP
8.3% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
GDP แยกตามภาคการผลิต
- ภาคการเกษตร 26%
- ภาคอุตสาหกรรม 34%
- ภาคการบริการ 40% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
อัตราเงินเฟ้อ (Consumer Price)
4.9% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
อัตราการว่างงาน
-
หนี้สาธารณะ
-
ผลผลิตทางการเกษตร
หัวมันฝรั่งหวาน ผัก ข้าวโพด กาแฟ อ้อย ยาสูบ ฝ้าย ชา ถั่วลิสง ข้าว กระบือ สุกร ปศุสัตว์ สัตว์ปีก
อุตสาหกรรม
ทองแดง ดีบุก ทองคำ เหมืองแร่ยิปซัม พลังงานไฟฟ้า แปรรูปผลผลิตเกษตร การก่อสร้าง เสื้อผ้าสำเร็จรูป การท่องเที่ยว ซีเมนต์
อัตราการเติบโตของการผลิตภาคอุตสาหกรรม
17.7% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2553)
ภาคการผลิต
-
ภาคการบริการ
-
ดุลบัญชีเดินสะพัด
30.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
มูลค่าการส่งออก
2.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
สินค้าส่งออก
เสื้อผ้าสำเร็จรูป ไม้ซุง ไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์ไม้ สินแร่ เศษโลหะ ถ่านหิน หนังดิบ และหนังฟอก ข้าวโพด ใบยาสูบ กาแฟ
ประเทศคู่ค้า (ส่งออก) ที่สำคัญ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2554)
มูลค่าการนำเข้า
2.645 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ f.o.b (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
สินค้านำเข้าที่สำคัญ
รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน อาหาร ผ้าผืน สารเคมี และเครื่องอุปโภคบริโภค
ประเทศคู่ค้า (นำเข้า) ที่สำคัญ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2554)
สกุลเงิน
กีบ (Kip)
สัญลักษณ์เงิน
LAK
การ ลงทุน
รัฐบาลลาวได้ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศให้เอื้ออำนวยต่อการ ลงทุนมากยิ่งขึ้น อาทิ มาตรการด้านภาษี อนุญาตให้นครหลวงเวียงจันทน์ แขวงจำปาสัก และแขวงหลวงพระบาง มีอำนาจอนุมัติโครงการลงทุนที่มีมูลค่าไม่เกิน ๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนแขวงอื่น ๆ สามารถอนุมัติโครงการลงทุนที่มีมูลค่าลงทุนไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้การลงทุนจากต่างประเทศในลาวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2546 มีมูลค่า 465 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2547 มีมูลค่า 533 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี พ.ศ. 2548 มีมูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ ไทย เวียดนาม ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย จีน
การค้ารวม
ปี 2551 การค้าไทย-ลาวมีมูลค่า 2,393.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ร้อยละ 34.35
การส่งออก
ปี 2551 ไทยส่งออกไปลาวมูลค่า 1,776.18 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ร้อยละ 35.47
การนำเข้า
ปี 2551 ไทยนำเข้าจากลาวมูลค่า 616.84 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ร้อยละ 31.23
ดุลการค้า
ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ากับลาว ในปี 2551 คิดเป็นมูลค่า 1,159.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปลาว
สินค้าเชื้อเพลิง สินค้าอุปโภคบริโภค ยานพาหนะและอุปกรณ์ สิ่งทอ เครื่องใช้ไฟฟ้า
สินค้านำเข้าจากลาวที่สำคัญ
ไม้และไม้แปรรูป เชื้อเพลิง สินแร่โลหะ
ความร่วมมือด้านการลงทุน
ไทยเป็นประเทศที่ลงทุนในลาวมากที่สุด ในช่วงปี 2544-2548 มีบริษัทไทยได้รับอนุมัติโครงการลงทุนในลาวจำนวน 102 โครงการ มูลค่าประมาณ 606.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สาขาที่มีการลงทุนมาก ได้แก่ พลังงานไฟฟ้า ขนส่งและโทรคมนาคม ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ธนาคาร อุตสาหกรรมแปรรูปไม้ เครื่องนุ่งห่มและหัตถกรรม
การให้สิทธิพิเศษด้านภาษีศุลกากรในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากลาว
ไทยมีนโยบายสนับสนุนการนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งลาว ทั้งในกรอบอาเซียน และ ACMECS เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน สำหรับในปี 2547 ไทยได้ให้สิทธิพิเศษด้านภาษีศุลกากร ในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากลาวทั้งในรูปของการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่ (ASEAN Integration System of Preferences - AISP) และยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าในลักษณะ One Way Free Trade รวมจำนวน 187 รายการและเพิ่มเป็น 300 รายการในปี 2548 - 2549 และ 301 รายการ ในปี 2550-2552
ความร่วมมือในกรอบพหุภาคีเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจ
ไทยและลาว มีความร่วมมือในกรอบพหุภาคีที่สำคัญ ได้แก่
- อาเซียน ลาวเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2540 ได้เป็นประธาน คณะกรรมการประจำอาเซียนเมื่อกรกฎาคม 2547 ไทยได้ให้ความร่วมมือแก่ลาวเพื่อให้สามารถมีส่วนร่วม ในอาเซียนได้อย่างทัดเทียมกับประเทศสมาชิกอาเซียนเก่า ทั้งในกรอบความริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน (IAI) การให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (AISP) รวมทั้งให้ความร่วมมือแก่ลาวเตรียมความพร้อมในโอกาสที่ลาวเป็นเจ้าภาพจัดการ ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 10 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2547 โดยได้จัดการดูงานให้เจ้าหน้าที่ลาว ให้การสนับสนุนด้านวัสดุอุปกรณ์สำหรับจัดตั้งศูนย์ข่าว มูลค่าประมาณ 11.80 ล้านบาท และให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อปรับปรุงสนามบินวัดไตมูลค่าประมาณ 320 ล้านบาท
- ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy - ACMECS) ลาวมีส่วนร่วมในกรอบ ACMECS อย่างแข็งขันโดยได้เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อปรับ ACMECS Plan of Action และทบทวนโครงการความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ระหว่างวันที่ 1-2 มิถุนายน 2549 ที่กรุงเทพมหานคร และเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ACMECS ระดับรัฐมนตรีที่เมืองดอนโขง แขวงจำปาสัก ระหว่างวันที่ 3-4 กรกฎาคม 2549 นอกจากนั้น โครงการความร่วมมือไทย-ลาวในกรอบ ACMECS มีความคืบหน้ามากกว่าประเทศอื่น อาทิ โครงการ Contract Farming เป็นต้น
- ความร่วมมือในกรอบสามเหลี่ยมมรกต ลาวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีความร่วมมือในกรอบสามเหลี่ยมมรกต ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2546 ที่แขวงจำปาสัก ที่ประชุมได้เห็นชอบปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวซึ่งมีสาระ สำคัญมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อช่วยกระตุ้น การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก และได้กำหนดพื้นที่ความร่วมมือเพื่อผลักดันให้กรอบความร่วมมือมีความเด่นชัด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา และภาคใต้ของลาว ทั้งนี้ ไทยได้จัดสรรงบประมาณ 2 ล้านบาท ในโครงการปรับปรุงศูนย์ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวสามเหลี่ยมมรกตที่แขวง จำปาสักด้วย