เพื่อประโยชน์ในการติดต่อหรือค้นหาข้อมูล กรุณาอัพเดตข้อมูลของท่านให้เป็นปัจจุบัน
สิทธิประโยชน์ที่หน่วยงานของท่านจะได้รับในการเป็นสมาชิกเว็บไซต์ดังนี้: ส่งคำถามโดยตรงไปยังซัพพลายเออร์ โพสต์คำขอของผู้ซื้อ ดูคำขอของผู้ซื้อ สามารถส่งข้อมูลให้ผู้ซื้อโดยตรง สมัครตอนนี้!
-
สาธารณรัฐสิงคโปร์ หรือ Republic of Singapore
-
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเกาะระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย
ประกอบด้วยเกาะสิงคโปร์และเกาะใหญ่น้อยบริเวณใกล้เคียง 63 เกาะ มีพื้นที่ รวมทั้งสิ้น 692.7 ตารางกิโลเมตร (ประมาณเกาะภูเก็ต) ส่วนที่เป็นพื้นดินมีพื้นที่ 682.7 ตารางกิโลเมตร ส่วนที่เป็นพื้นน้ำเท่ากับ 10 ตารางกิโลเมตร เกาะสิงคโปร์เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีความยาวจากทิศตะวันตกไปตะวันออกประมาณ 42 กิโลเมตร และความกว้างจากทิศเหนือไปยังทิศใต้ประมาณ 23 กิโลเมตร ความยาวชายฝั่งทั้งหมด 193 กิโลเมตร
-
พื้นที่ต่ำ ตอนกลางของประเทศมีพื้นที่เป็นคลื่น มีอ่างเก็บน้ำและแหล่งอนุรักษ์ธรรมชาติ
อากาศเขตร้อน: อากาศร้อน ชื้น ฝนตก มี 2 ฤดู ได้แก่ ฤดูที่มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (ธันวาคม-มีนาคม) และฤดูลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (มิถุนายน-กันยายน) และมีพายุฝนฟ้าคะนองในตอนกลางวันและช่วงเย็น
ปลา ท่าเรือน้ำาลึก
ไม่มี
5,353,494 คน (ค่าประมาณ เดือนกรกฏาคม พ.ศ. 2555)
1.933% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
สิงคโปร์ (Singaporean (s))
อังกฤษ มาลายู จีนกลาง ทมิฬ (มาลายูเป็นภาษาประจำชาติ อังกฤษเป็นภาษาราชการ)
สาธารณรัฐ (ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดียว)
สิงคโปร์ (Singapore)
วันที่ 9 สิงหาคม 2508 จากสหพันธรัฐมาเลเซีย
3 มิถุนายน พ.ศ. 2502 แก้ไขในปี พ.ศ. 2508
ประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล ประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งในระบบคะแนนนิยม วาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี โดยทั่วไป หลังจากการเลือกตั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ประธานาธิบดีจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี จากผู้นำพรรคการเมืองเสียงข้างมากหรือผู้นำคณะรัฐบาลผสม
ระบบกฎหมายจารีตประเพณีอังกฤษ (English Common Law)
ระบบสภาเดียว (Unicameral Parliament) จำนวน 87 ที่นั่ง สมาชิกมาจากการเลือกตั้งในระบบคะแนนนิยม วาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี
ศาลฎีกา (ผู้พิพากษาศาลสูงสุด (Chief Justice) มาจากการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี โดยได้รับคำแนะนำจากนายกรัฐมนตรี ผู้พิพากษาคนอื่นๆ ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดี โดยได้รับคำแนะนำจากผู้พิพากษาสูงสุด) และศาลอุทธรณ์ (Court of Appeals)
222.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2553 )
62,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2553)
14.5% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2553)
2.8% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2553)
2.2% (ค่าประมาณ พ.ศ.2553)
ยาง เนื้อมะพร้าวแข็ง ผลไม้ กล้วยไม้ ผัก สัตว์ปีก ไข่ ปลา
อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ การบริการทางการเงิน อุปกรณ์การขุดเจาะน้ำมัน การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม การแปรรูปและผลิตภัณฑ์ยาง การแปรรูปอาหารและเครื่องดื่ม การซ่อม วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า
29.7% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2553)
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ ชีวศาสตร์การแพทย์วิศวกรรมเครื่องมือวัด (precision engineering) วิศวกรรมขนส่ง (transport engineering) และ อุตสาหกรรมผลิตสินค้าทั่วไป (general manufacturing industries)
อุตสาหกรรมบริการทางสายอาชีพและการบริการสำนักงานในส่วนภูมิภาค การบริการข้อมูลและการสื่อสาร Logistics การบริการทางวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อม การธนาคาร การศึกษาและการบริการทางชีวศาสตร์การแพทย์
46.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2553)
358.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2553)
เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์พลาสติก กระดาษ กระดาษแข็ง
310.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าประมาณ พ.ศ.2553)
เครื่องคอมพิวเตอร์ สินค้าเกษตรและอาหาร น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์
ดอลลาร์สิงคโปร์ (Singapore Dollar)
SGD
ไทยและสิงคโปร์ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2508 ความสัมพันธ์ได้ดำเนินมาอย่างราบรื่นมาตลอด 40 ปี และได้พัฒนาไปเป็นลักษณะ "หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์" ในการดำเนินการเชิงรุกในภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศ อาทิ การเร่งรัดรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนตามแนวทาง 2+X และความร่วมมือเพื่อลดช่องว่างทางการพัฒนาแก่ประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน (กัมพูชา ลาว เวียดนามและพม่า)
ไทยและสิงคโปร์มีจุดแข็งและมีศักยภาพที่เอื้อประโยชน์ต่อกันเป็นอย่างดี ไทยมีทรัพยากรธรรมชาติ มีแรงงานจำนวนมากและมีพื้นที่กว้างใหญ่ ส่วนสิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติและพื้นที่น้อย แต่มีความก้าวหน้าทางด้านทรัพยากรมนุษย์ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมระดับสูง จึงได้มีการนำจุดแข็งของทั้งสองประเทศมาใช้ร่วมกันจนนำไปสู่การส่งเสริมความสัมพันธ์และการพัฒนาร่วมกันที่ยั่งยืน
ปัจจุบัน นายเฉลิมพล ทันจิตต์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐสิงคโปร์และนายปีเตอร์ ชาน เจ่อ ฮิง (Peter Chan Jer Hing) เป็นเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทยคนใหม่แทนนายชาน เฮง วิง (Chan Heng Wing) [ นายเฉลิมพล ทันจิตต์ รับตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2548 ขณะที่นายปีเตอร์ ชานได้เดินทางมารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2548 ]
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับสิงคโปร์ได้เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนหลายประการ อาทิ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดในระดับผู้นำของทั้งสองประเทศ (เนื่องจากมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ การรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนและประเด็นระหว่างประเทศที่คล้ายกัน) เสถียรภาพทางการเมืองของทั้งสองประเทศซึ่งมีส่วนช่วยสร้างความต่อเนื่องทางนโยบายและความร่วมมือระหว่างกัน
ไทยกับสิงคโปร์มีกลไกความร่วมมือทวิภาคี ได้แก่
สิงคโปร์เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 4 ของไทย (รองจากสหรัฐ ฯ ญี่ปุ่น และจีน) ไทยเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 7 ของสิงคโปร์ ในปี 2548 การค้ารวมระหว่างไทยกับสิงคโปร์มีมูลค่า 12,881 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกของไทยไปยังสิงคโปร์มีมูลค่า 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้ามูลค่า 5379.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยได้เปรียบดุลการค้ามูลค่า 2,120.8 ล้านดอลลร์สหรัฐ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (2545-2548) มูลค่าการส่งออกของไทยไปยังสิงคโปร์ขยายตัวในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 10 ต่อปี สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (ปี 2546-2547 มูลค่าลดลงร้อยละ 16.5) น้ำมันสำเร็จรูป (เพิ่มขึ้นร้อยละ 114.7) แผงวงจรไฟฟ้า (เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.7) และส่วนประกอบอากาศยานและอุปกรณ์การบิน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.3) ตามลำดับ[ข้อมูลจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์]
สิงคโปร์เป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยมากเป็นอันดับที่ 6 (รองจากญี่ปุ่น มาเลเซีย ไต้หวัน สวิตเซอร์แลนด์และเนเธอร์แลนด์) ในปี 2548 สิงคโปร์ได้ยื่นโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 82 โครงการแก่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งได้รับการอนุมัติ 69 โครงการในมูลค่า 14,421.5 ล้านบาท (ปี 2547 มีมูลค่า 18,238.6 ล้านบาท) ส่วนใหญ่อยู่ในสาขาสาขาอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า การบริการ การโรงแรม การขนส่ง การให้บริการทางการเงินและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สาขาผลิตภัณฑ์โลหะและเครื่องจักร พร้อมทั้ง มีความสนใจที่จะลงทุนในสาขาอุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมการผลิตยา และอุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยี ทั้งนี้ หากพิจารณาจากมุมมองของสิงคโปร์ การลงทุนของสิงคโปร์ในไทยยังมีสัดส่วนไม่มากนักเมื่อเทียบกับการลงทุนรวมของสิงคโปร์ในต่างประเทศ ประเทศที่สิงคโปร์ไปลงทุนมากที่สุด ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
ชาวสิงคโปร์มีทัศนคติที่ดีต่อประเทศไทยและคนไทย ในเดือนมกราคม-กันยายนปี 2548 มีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์เดินทางมาประเทศไทยจำนวน 450,836 (มีสัดส่วนร้อยละ 5.48 ของตลาดการท่องเที่ยวไทย) เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2547 ในจำนวน 398,438 คน ขณะที่นักท่องเที่ยวจากไทยเดินทางไปสิงคโปร์จำนวน 379,000 คน (ปี 2548) (ในปี 2548 สิงคโปร์รับนักท่องเที่ยวจำนวน 8.9 ล้านคน ซึ่งได้นำรายได้เข้าประเทศประมาณ 10.8 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์)[ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งสิงคโปร์ ]
กลไกความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ได้แก่
Singapore-Thailand Enhanced Economic Relations (STEER) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2545 เพื่อผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในอุตสาหกรรม 5 สาขา ได้แก่ การเกษตรและอาหาร การท่องเที่ยว การบริการทางการเงิน อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนประกอบยานยนต์และการขนส่ง และเป็นการนำร่องการรวมตัวทางเศรษฐกิจในกรอบอาเซียนตามแนวทาง 2+X สิงคโปร์ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม STEER ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 25-27 สิงหาคม 2546
ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม STEER ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 22-23 พฤศจิกายน 2548 ซึ่ง เห็นชอบให้เพิ่มปริมาณการค้า การลงทุนระหว่างกัน รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศที่สามเป็น 2 เท่าของตัวเลขในปัจจุบันภายในปี 2553 และส่งเสริมความร่วมมือด้านสินค้าอาหารและเกษตร การขนส่งและโลจิสติกส์ และอสังหาริมทรัพย์ ทั้งภาครัฐบาลและเอกชนของทั้งสองฝ่ายได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจจำนวน 12 ฉบับ อาทิ ความตกลงเพื่อการคุ้มครองด้านการลงทุนระหว่างไทยกับสิงคโปร์
กลไกความร่วมมือ ได้แก่
สิงคโปร์ได้เป็นประเทศแรกๆ ที่ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศไทยต่อกรณีพิบัติภัยที่ภาคใต้ของประเทศไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2547 โดยได้ส่งเครื่องบิน C -130 พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ค้นหาและกู้ภัยจำนวน 23 คนจาก Singapore Civil Service Defence Force และยาเวชภัณฑ์ ผ้าห่ม อาหารแห้ง รวม 13 ตัน รวมทั้ง ส่งเฮลิคอปเตอร์ 4 ลำ (Super Pumas 2 ลำ Chinooks 2 ลำ) เพื่อช่วยค้นหาและกู้ภัย รวมทั้งได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านชันสูตรศพจำนวน 4 คน ไปยังจังหวัดภูเก็ต เพื่อพิสูจน์ศพผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2549 สิงคโปร์ได้ให้ความช่วยเหลือในรูปสิ่งของแก่ผู้ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ รวมมูลค่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ และได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ Chinook ของกองทัพอากาศสิงคโปร์ซึ่งฝึกบินในประเทศไทยให้ความช่วยเหลือในภารกิจกู้ภัยที่จังหวัดพิษณุโลก
กองพัฒนาผู้ประกอบการไทย
เลขที่ 555 ถนนวิภาวดีรังสิต
แขวงจตุจักร เขตจตุจักร
กรุงเทพมหานคร 10900